บริการติดตั้งฟิล์มรถยนต์/อาคาร แบบ Delivery ถึงบ้านคุณ ด้วยฟิล์มกรองแสง Anti Aging เกรดพรีเมียม พร้อมรับประกันฟิล์มตลอดชีพ, [email protected]

ฟิล์มที่ดีเลือกอย่างไร ?

Highlights

8 MINS READ

ในการตัดสินใจเลือกเปลี่ยนฟิล์มกรองแสง มีปัจจัยที่ควรนำมาตัดสินใจได้แก่

  • การกันความร้อน : ควรมีค่าป้องกันรังสีความร้อน (Infared Rejection) มากกว่า 75% ขึ้นไป

  • การป้องกันรังสี UV : ในปัจจุบันมีฟิล์มที่สามารถกัน UV400 ได้ 100% เต็มแล้ว

  • ความสวยงามของสีฟิล์ม : ฟิล์มโลหะ(ปรอท) จะทำให้รถของคุณดูหรูหราขึ้น ส่วนฟิล์มดำจะทำให้รถดูสปอร์ต เท่

  • คุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความหนาของฟิล์ม, การตัดแสงส่วนเกิน

“ ท่ามกลางความร้อนแรงของแดดเมืองไทย ที่ร้อนขึ้นในทุกๆปี สามารถสร้างความหงุดหงิด ในการขับรถได้ไม่น้อย

จนทำให้มีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนฟิล์มกรองแสง ที่สามารถกันร้อนได้ดีขึ้น

แต่ในการเลือกฟิล์มกรองแสงที่ดีนั้น นอกจาก การจะดูเรื่องสามารถกันความร้อนว่าดีหรือไม่แล้ว คุณลูกค้ายังควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ดังต่อไปนี้อีกด้วย...

การป้องกันความร้อน

ในแสงแดดจะประกอบไปด้วย 3 รังสี

  • รังสีอินฟาเรด (Infared : IR) : คือรังสีที่ทำให้เรารู้สึกร้อนผิวหนัง
  • รังสียูวี (UV ray) : คือรังสีที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ, มะเร็งผิวหนัง ฯลฯ (จะกล่าวถึงอย่างละเอียดในข้อ 2)
  • ลำแสงที่ตามองเห็น (Visible Light) : หากเราได้รับแสงจ้ามากเกินไปจะทำให้ตาพร่ามัว แสบตาได้
  • จะเห็นว่ารังสียูวี (UV ray) และลำแสงที่ตามองเห็น (Visible Light) ในแสงแดดนั้น จะไม่ค่อยมีผลต่อการ ที่ทำให้ผิวหนังเรารู้สึกร้อนเท่าไหร่นัก
  • ฉะนั้นฟิล์มกรองแสงจะกันความร้อนดีหรือไม่ เราควรดู ที่ค่าป้องกันรังสีอินฟาเรด (IRR : Infared Rejection) เป็นหลัก
  • สำหรับค่า IRR ที่เราแนะนำสำหรับแดดประเทศไทย ควรจะมีค่ามากกว่า 75% ขึ้นไป

TSER คืออะไร ?

** ค่าป้องกันกันความร้อนรวม (TSER : Total Solar Energy Rejection) นั้นจะเป็นค่าที่นำทั้งการป้องกันทั้งรังสีอินฟาเรด, ค่าป้องกันรังสียูวี และค่ากรองลำแสงที่มองเห็นของฟิล์มกรองแสง มาคิดรวมกัน
ฟิล์มกรองแสงที่มีค่า TSER สูง อาจจะไม่ได้หมายความว่าฟิล์มนั้นสามารถกันร้อนได้สูง

การป้องกันรังสียูวี

รังสี UV ในแสงแดดจะมีทั้งหมด 3 ประเภท

UVB
(280-315 nm)

เป็นรังสีที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ แสบไหม้จากแดด

UVA/UV400
(315-400 nm)

เป็นรังสีที่ทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง ผิวเหี่ยวย่น กระ ฝ้า แก่ก่อนวัย

UVC

ถูกบล็อกโดยชั้นบรรยากาศของโลก ไม่ผ่านเข้ามาทำอันตรายต่อผิวเรา

โดยฟิล์มทั่วไปที่ระบุว่าป้องกันรังสี UV ได้ 99% นั้น จะสามารถป้องกันได้เฉพาะรังสี UVB 99% ส่วนรังสี UVA/UV400 นั้น ฟิล์มทั่วไปจะป้องกันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น สามารถผลิตฟิล์มกรองแสงที่ป้องกันทั้งรังสี UVB และ UVA ได้เต็ม 100% แล้ว

ทัศนวิศัยเนื้อฟิล์มภายใน

ฟิล์มติดรถยนต์คุณภาพสูงนั้น จะมีกรรมวิธีการผลิตที่ละเอียด มากกว่าฟิล์มทั่วไป

จึงทำให้เนื้อฟิล์มที่ได้นั้นใส อาการขุนมัวจึงน้อยถึงไม่มีเลย ทำให้ทัศนวิสัยภายในรถยนต์ มีความคมชัดแม้ในยามค่ำคืน

ความสวยงามภายนอก

ปัจจุบันฟิล์มติดรถยนต์ตามท้องตลาด แบ่งเป็น 2 ประเภท

ฟิล์มโลหะ (ฟิล์มปรอท)

ฟิล์มดำ

โลหะมาก

ฟิล์มดำธรรมดา

โลหะปานกลาง

ฟิล์มดำเซรามิค

ฟิล์มโลหะมากฟิล์มโลหะปานกลางชนิดฟิล์มฟิล์มดำธรรมดาฟิล์มดำเซรามิค
สะท้อนความร้อนได้ดี

- สะท้อนความร้อนได้ดี
- ทัศนวิสัยดี

ข้อดีสะท้อนแสงต่ำ ไม่มีปรอท

- กันร้อนได้ดีเทียบเท่า
หรือมากกว่าฟิล์มโลหะ
- สะท้อนแสงต่ำ ไม่มีปรอท
- ทัศนวิสัยดีกว่าฟิล์มดำทั่วไป

- สะท้อนแสงเหมือนกระจกเงา
- GPS Easy Pass ไม่ผ่าน

ฟิล์มตัวมีแสงสะท้อนบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตราย ต่อผู้ขับขี่ผู้อื่น

ข้อเสียกันร้อนได้ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับแดดเมืองไทย-

ทำให้กระจกรถเหมือนกระจกเงา ไม่เหมาะแก่การติดลง บนกระจกรถยนต์

ทำให้รถดูหรูหราขึ้นภาพลักษณ์ทำให้รถดูสปอร์ต เท่ทำให้รถดูสปอร์ต เท่

โดยประเภทฟิล์มที่เหมาะกับการติดรถยนต์และสามารถกันร้อนได้ดี

คือ ฟิล์มโลหะสะท้อนปานกลาง และ ฟิล์มดำเซรามิค

ข้อดีอื่นๆ

คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจของฟิล์มที่ดี

ตัวฟิล์มช่วยถนอมสายตา

> ตัดแสงส่วนเกิน (Blue Light Cut) ได้

ความหนาของเนื้อฟิล์ม

> ฟิล์มบางยี่ห้อจะมีความหนากว่าฟิล์มทั่วไป (หนากึ่งนิรภัย) จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระจกรถยนต์ได้